About Us

My photo
1518 Soi Jaransaniwong 75 Junction 32, Bangphlad, Bangphlad,, Bangkok 10700, Thailand
The Community Resources Centre Foundation (CRC) is a non-governmental organisation which is committed to protect and promote the Human Rights, Community Right and the Environment. CRC is a watchdog on the implementation of ICCPR and ICESCR. มูลนิธิศูนย์ข้อมูลชุมชน (ศขช.) เป็นองค์กรพัฒนาเอกชนที่ไม่แสวงหากำไร ตั้งขึ้นมาเพื่อทำงานในการปกป้องและส่งเสริม สิทธิมนุษยชน สิทธิชุมชน และสิ่งแวดล้อม ศขช.เฝ้าระวังสถานการณ์ ตามกติกาสากลว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง และกติกาสากลว่าด้วยสิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม

Monday, March 16, 2015

WWF เผยมหันตภัยเขื่อนไซยะบุรีกระทบประชาชนเอเชียอาคเนย์ 60 ล้านคน



กรุงเทพ, 14 มีนาคม 2558 – วันหยุดเขื่อนโลก
WWF-เผยแพร่สารคดีสั้นสะท้อนผลกระทบของเขื่อนไซยะบุรีในประเทศลาวต่อชุมชนลุ่มแม่น้ำโขง และทัศนะด้านวิชาการ จากผู้นำองค์กรพัฒนาเอกชน นักวิจัย นักกฎหมาย และนักวิชาการหลายแขนง

โดยระบุว่า โครงการเขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำ “ไซยะบุรี” คือ โครงการก่อสร้างเขื่อนโครงการแรกที่สร้างกั้นแม่น้ำโขงส่วนหลัก อันก่อให้เกิดผลกระทบทางนิเวศวิทยาและอุทกวิทยาอย่างไม่สามารถเยียวยาได้ต่อระบบลุ่มน้ำโขงตอนล่างทั้งหมด ทั้งสร้างความหายนะต่อความมั่นคงทางอาหารแก่ประชาชนในประเทศไทย กัมพูชา เวียดนาม และลาวถึงกว่า 60 ล้านคน  ในโครงการดังกล่าวยังมีการก่อสร้างอ่างเก็บกักน้ำที่มีความยาวกว่า 60 กิโลเมตร ขึ้นข้างโครงการ ซึ่งจะทำให้เกิดความเสียหายที่รุนแรงต่อการอพยพย้ายถิ่นของปลาและการไหลเวียนของตะกอนดิน ด้วย

จากการศึกษาพบว่า แม่น้ำโขงเป็นหนึ่งในระบบแม่น้ำที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก มีระยะทางยาวมากกว่า 4,800 กิโลเมตร แม่น้ำโขงจึงเป็นแม่น้ำที่ยาวที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยบริเวณตอนล่างของแม่น้ำโขงนั้นเป็นหนึ่งในพื้นที่กว้างใหญ่แห่งสุดท้ายของโลกที่ยังคงสภาพธรรมชาติสมบูรณ์ซึ่งหล่อเลี้ยงผู้คนเกือบ
60 ล้านคน ด้วยการประมงที่มีมูลค่าทางการค้ามากกว่า 4,000 ล้านดอลลาร์  
แม่น้ำโขงเป็นแหล่งธรรมชาติที่สามารถผลิตปลาและผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำอื่นๆ ได้ประมาณ 2.6 ล้านตัน ต่อปี จึงถือเป็นแหล่งประมงน้ำจืดขนาดใหญ่ที่สุดในโลก  โดยปลาที่จับได้ในลุ่มน้ำโขงคิดเป็นร้อยละ 19 – 25 ของปลาน้ำจืดที่จับได้ทั่วโลก  ซึ่งในจำนวนนี้มีปลาน้ำจืดอยู่มากกว่า 1,200 สายพันธุ์ โดยมีปลาน้ำจืด 4 สายพันธุ์ ซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก เช่น ปลาบึกยักษ์ อันเป็นสายพันธุ์ปลาที่รู้จักกันเป็นอย่างดีว่าเป็นสัญลักษณ์ของแม่น้ำโขงรวมอยู่ด้วย 
แม้แม่น้ำโขงจะพร้อมไปด้วยความสมบูรณ์ทางนิเวศดังกล่าว แต่ในที่สุดประเทศไทยกลับปล่อยให้มีการดำเนินการสร้างเขื่อนไซยะบุรีในพื้นที่นั้น โดยการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ยังได้ลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้าที่จะถูกผลิตขึ้นจากเขื่อนไซยะบุรีด้วย

ในโอกาสวันหยุดเขื่อนโลก 14 มีนาคม นี้ WWF-ประเทศไทย หรือ กองทุนสัตว์ป่าโลก จึงจัดทำสารคดีสั้นขึ้น 7 เรื่อง เพื่อเป็นกระบอกเสียงให้แก่คนลุ่มน้ำโขงและผู้ที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับผูกพันกับวิถีชีวิตและวัฒนธรรมของชุมชนลุ่มน้ำโขงในเชิงลึก โดยมีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ สังคม วัฒนธรรม เศรษฐกิจ การพึ่งพาทรัพยากรและความมั่นคงทางอาหารที่มีต่อแม่น้ำโขง ทำให้ประจักษ์ชัดว่าผลกระทบจากโครงการก่อสร้างเขื่อนพลังน้ำไซยะบุรีได้เกิดขึ้นกับชุมชนในลุ่มน้ำโขงแล้ว และผลกระทบนี้จะเพิ่มมากขึ้นหลังจากที่เขื่อนไซยะบุรีสร้างเสร็จสมบูรณ์

นายหาญณรงค์  เยาวเลิศ ประธานมูลนิธิเพื่อการบริหารจัดการน้ำอย่างบูรณาการ ตัวแทนนักพัฒนาเอกชนด้านสิทธิมนุษยชนและการจัดการทรัพยากร กล่าวว่า ไม่มีปลาบึกที่โตที่อื่นได้นอกจากในแม่น้ำโขง การกั้นเขื่อนนี้เพียงเขื่อนเดียว เป็นการปิดกั้นการอพยพของปลา และทำให้การไหลเวียนของน้ำเปลี่ยนแปลงทันที คุณกำลังเอาทรัพยากรน้ำโขงไปใช้กับคนกลุ่มหนึ่ง แต่ไม่ได้ใช้กับคน 60 ล้านคน ในลุ่มน้ำโขงที่อาศัยปลาในการดำรงชีวิตและได้รับประโยชน์จากการท่องเที่ยว  เรื่องพลังงานอาจหาจากแหล่งอื่นได้  แต่งานวิศวกรรมกับการคำนึงถึงระบบนิเวศธรรมชาตินี้ที่สวนทางกันอย่างนี้มีแต่จะทำให้ผลกระทบเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ”

ด้าน นางสาวส. รัตนมณี พลกล้า นักกฎหมายและผู้ประสานงานจากศูนย์ข้อมูลชุมชน กล่าวว่า ขั้นตอนในการปรึกษาหารือของเขื่อนไซยะบุรีไม่เป็นไปตามขั้นตอนและไม่เป็นไปตามหลักวิชาการ โดยผู้ได้รับผลกระทบจากการสร้างเขื่อนทั้งหมดใน 8 จังหวัดลุ่มน้ำโขง ตั้งแต่จังหวัดเชียงรายถึงอุบลราชธานี ไม่ได้ทราบถึงข้อมูลในการสร้างเขื่อน  และแม้ว่าจะมีการจัดประชุมรับฟังความคิดเห็น แต่ก็มีเพียงสี่ครั้งในบางจังหวัด และไม่มีการประกาศให้ประชาชนทราบโดยทั่วไป  นอกจากนี้ ยังไม่มีการเผยแพร่ข้อมูลแต่อ้างว่ามีอยู่ในเว็บไซต์ ขนาดเราเข้าอินเตอร์เนตยังค้นยาก แล้วนับประสาอะไรกับชาวบ้านริมโขงที่ไม่มีอินเตอร์เนต  ในที่สุดเขื่อนไซยะบุรีจะส่งผลกระทบต่อคนจำนวน 60 ล้านคน จึงอยากให้รัฐกลับไปมองว่า จริงๆแล้วความมั่นคงทางพลังงานที่รัฐพูดถึง มันใช่ความมั่นคงทางพลังงานที่ประชาชนต้องการจริงหรือไม่ หรือเป็นเพียงความมั่นคงทางพลังงานของคนหยิบมือหนึ่งที่เป็นคนที่มีอำนาจทางสังคม เพราะฉะนั้น รัฐยังสามารถจะกลับมาดูแลประชาชนที่เป็นประชาชนทั่วไปจริงๆได้ หากทบทวนโครงการ”

นายยรรยง ศรีเจริญ ผู้จัดการโครงการอนุรักษ์พื้นที่ชุ่มน้ำ  WWF-ประเทศไทย อธิบายความสำคัญของแม่น้ำโขงว่า แม่น้ำโขงถือเป็นเส้นเลือดใหญ่ของพี่น้องประชาชนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้  จากข้อมูลทางวิชาการพบว่า พันธุ์ปลากว่า 1,200 ชนิด ในแม่น้ำโขงสามารถเลี้ยงคนได้กว่า 60 ล้านคน ใน 4 ประเทศ การสร้างเขื่อนไซยะบุรีจะทำให้การไหลเวียนของกระแสน้ำไม่เป็นไปตามธรรมชาติ การไหลของน้ำจะเร็วและรุนแรงมากขึ้น ทำให้เกิดตะกอนดินสะสมใต้น้ำ  นอกจากนี้ ภายใต้ท้องน้ำของแม่น้ำโขงจะมีวังน้ำลึกซึ่งผิวดินใต้น้ำเป็นแหล่งวางไข่รวมทั้งเป็นแหล่งหลบภัยให้กับปลาในฤดูแล้งและฤดูน้ำหลาก การสร้างเขื่อนจะทำให้แหล่งวางไข่ของปลาหายไป ส่งผลให้เกิดความเสียหายการขยายพันธุ์ปลาและจำนวนประชากรปลาในลุ่มน้ำโขง กระทบต่อความมั่นคงทางอาหาร”

สองสามปีหลัง กระแสน้ำเริ่มเปลี่ยน  บางทีน้ำขึ้นในชั่วโมงเดียว อีกสองชั่วโมงน้ำแห้ง หลังๆ ปลาบางชนิดก็หายไป” วชิรา นันทพรหม ชาวประมงในเชียงคานกล่าว

ถ้าน้ำมาก็จะมาอย่างรวดเร็ว จนเก็บอะไรริมฝั่งขึ้นไม่ทัน แต่ก่อนเราลงไปหาปลาแค่สองสามชั่วโมงก็ได้ปลามากิน แต่เดี๋ยวนี้ลงไปหาปลาทั้งวันบางทีก็ไม่ได้เลย ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไป ชาวประมงก็คงจะลำบาก ไม่รู้จะหาปลากินได้อีกไหม ต่อไปปลาคงสูญพันธุ์ไปทั้งหมด” ประยูน แสนแอ ชาวประมงในเชียงคานกล่าว

WWF-ประเทศไทย  ขอนำเสนอสารคดีสั้นทั้ง 7 เรื่อง ซึ่งหวังว่าจะช่วยให้ผู้ชม สื่อมวลชน และผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการตัดสินใจได้เข้าใจว่า เพราะเหตุใดโครงการเขื่อนไซยะบุรีจึงเป็นมหันตภัยต่อประเทศไทยและคนกว่า 60 ล้านคน ในอุษาคเนย์ โดยปัจจุบันยังไม่มีมาตรการแก้ไขที่เป็นที่ยอมรับระดับนานาชาติที่พิสูจน์ได้ในทางปฏิบัติต่อปัญหาการอพยพของปลาและตะกอนดิน ซึ่งเป็นความเสี่ยงอันใหญ่หลวงต่อการประมงน้ำจืดอันมีมูลค่ามหาศาลและความสมบูรณ์ของภูมิภาคสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขง  อย่างไรก็ดี ยังมีทางเลือกพลังงานด้านอื่นๆ นอกเหนือไปจากการผลิตไฟฟ้าจากเขื่อนไซยะบุรีนี้ อันเป็นโครงการสร้างเขื่อนที่มีศักยภาพที่จะก่อให้เกิดความเสียหายสูงสุดแห่งหนึ่ง เมื่อเปรียบเทียบกับเขื่อนต่างๆทั่วโลกที่กำลังอยู่ระหว่างการก่อสร้างในขณะนี้ .


รายการสารคดีสั้นผลกระทบจากเขื่อนไซยะบุรี

No comments:

Post a Comment